โครงสร้างประโยคคำถาม (Question)
โครงสร้างประโยคคำถามของ present simple tense นั้น คล้ายคลึงกับโครงสร้างประโยคปฏิเสธ
กล่าวคือ
1. ถ้าคำกริยาเป็น verb to be (is / am / are) ให้วาง verb to be ไว้หน้าประโยคได้เลย
โครงสร้างประโยคคำถามแบบ yes/no question เมื่อคำกริยาเป็น to be
To be | Subject | |
Am | I | . . . ? |
Are | you, we, they; plural noun | |
Is | he, she, it; singular noun |
การตอบคำถามประเภทนี้ สามารถตอบได้โดยใช้ Yes. (ใช่) หรือ No. (ไม่ใช่)
Are you from Chiang Mai?
Yes, I am. หรือ No, I’m not.
Is the teacher late?
Yes, he/she is. หรือ No, he/she isn’t.
2. ถ้าคำกริยาเป็นกริยาแท้หรือกริยาอื่นๆ ที่ไม่ใช่ verb to be (is / am / are) ให้ใช้ do หรือ
does วางหน้าประโยค และเปลี่ยนคำกริยาให้อยู่ในรูปเดิม นั่นคือ ไม่เติม s, หรือ es
โครงสร้างประโยคคำถามแบบ yes/no question เมื่อคำกริยาเป็นกริยาแท้
To do | subject | to have / other verbs. . .? |
Do | I | have / verb1 . . .? |
Do | you, we, they; plural noun | |
Does | he, she, it; singular noun |
Does Ann ride a motorcycle to school?
Yes, she does. / No, she doesn’t.
Do they play football on Friday?
Yes, they do. / No, they don’t.
3. ถ้าคำกริยาคือ have / has ใช้หลักเกณฑ์เดียวกับคำกริยาอื่นๆ คือ ใช้ do หรือ does ไว้หน้าประโยค และเปลี่ยนคำกริยาเป็น have ไม่ว่าประธานจะเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์
Does she have friends?
Yes, she does. / No, she doesn’t.
Do children have enough books to read?
Yes, they do. / No, they don’t.
การเขียนประโยคคำถามในภาษาอังกฤษมีข้อแตกต่างจากภาษาไทยดังนี้
1. คำแรกของประโยคต้องใช้อักษรตัวใหญ่ (capital letter) เช่นเดียวกับการเขียนประโยคบอกเล่าและประโยคปฏิเสธ
2. ใส่เครื่องหมายคำถาม “?” ท้ายประโยคเสมอ
หลักการข้างต้นนี้แตกต่างกับการเขียนประโยคในภาษาไทย ที่ไม่ต้องใช้เครื่องหมายวรรคตอนใดๆ ท้ายประโยค
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น